มาตรการเดินทางเข้าไทยสําหรับผู้เดินทางจากทวีปแอฟริกาตั้งแต่ 11 มกราคม 2565

อัพเดทมาตรการเดินทางเข้าไทยสําหรับผู้เดินทางจากทวีปแอฟริกาตั้งแต่ 11 มกราคม 2565 โดยไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป โดยประเทศในทวีปแอฟริกาทั้งหมด (รวม 8 ประเทศในทวีปแอฟริกา) สามารถเข้ามายังประเทศไทยได้เหมือนประเทศอื่น ๆ ตามแนวทางที่กำหนดแต่ละรูปแบบ 

ตั้งแต่พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ประเทศไทยได้ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวจาก 8 ประเทศในแอฟริกาเดินทางเข้าประเทศไทย เนื่องจากความกังวลรูปแบบต่างๆ ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่าโอไมครอน (Omicron) ที่ค้นพบในแอฟริกาใต้ อย่างไรก็ตามในเดือนมกราคาได้มีการยกเลิกการจัดประเทศในแอฟริกาเป็นกลุ่มประเทศเสี่ยง เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนลามไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย หลายประเทศประกาศยกเลิกการจำกัดการเดินทางจากนานาประเทศ

มาตรการเดินทางเข้าไทย สำหรับผู้เดินทาง/พำนักจากประเทศในทวีปแอฟริกา 

ประกาศสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย เรื่อง การปรับเปลี่ยนมาตรการในการเดินทางเข้าประเทศไทยสําหรับผู้ที่เดินทางมาจาก ประเทศในภูมิภาคแอฟริกา กรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่

ด้วยรัฐบาลไทยได้ปรับเปลี่ยนมาตรการในการเดินทางเข้าประเทศไทยสําหรับผู้ที่เดินทาง มาจากประเทศในภูมิภาคแอฟริกา จากกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ สถาน เอกอัครราชทูตฯ จึงขอประกาศมาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทยสําหรับชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งจะ มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 เป็นต้นไป โดยผู้เดินทางชาวไทยและชาวต่างชาติจากประเทศใน เขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตฯ จํานวน 11 ประเทศ ได้แก่ แอฟริกาใต้ แองโกลา บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาดากัสการ์ มาลาวี มอริเชียส นามิเบีย แซมเบีย และซิมบับเว สามารถเดินทางเข้าไทย โดยลงทะเบียน ในระบบ Thailand Pass  และเลือกมาตรการสําหรับการเดินทาง เข้าไทย ดังนี้

1. การกักตัวในสถานกักกันทางเลือก (Alternative Quarantine - AQ)

1.1 เข้ารับการกักตัวอย่างน้อย 7 วัน กรณีผู้เดินทางได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีน กําหนดอย่างน้อย 14 วัน ก่อนการเดินทาง โดยต้องมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนซึ่งออกโดยหน่วยงานของรัฐ ของประเทศต้นทาง และเป็นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทยหรือได้รับการรับรองจากองค์การ อนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด โดยผู้เดินทางจะต้องแสดงเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน (ฉบับจริงหรือสําเนาของเอกสารฉบับอิเล็กทรอนิกส์) ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อ ระหว่างประเทศ มิเช่นนั้น ผู้เดินทางอาจต้องกักตัวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 วัน

1.2 เข้ารับการกักตัวอย่างน้อย 10 วัน กรณีผู้เดินทางยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนแล้ว แต่ยังไม่ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกําหนด

1.3 เอกสารสําหรับการเดินทาง

(1) ชาวไทย ได้แก่ (1) หนังสือเดินทาง (2) หลักฐานการสํารองสถานที่กักกันตัว ทางเลือกที่ชําระเงินแล้ว (3) หลักฐานการสํารองบัตรโดยสารเครื่องบิน (4) เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน (หากมี) และ (5) ผลตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่เป็นลบ อายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (กรณีเป็นข้อบังคับของ สายการบินหรือเป็นมาตรการเพื่อเดินทางออกจากประเทศต้นทาง)

(2) ชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทย ได้แก่ (1) หนังสือเดินทาง (2) การตรวจลงตรา (กรณีที่ต้องได้รับการตรวจลงตรา) (3) ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ในประเทศไทย วงเงินไม่ต่ํากว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (4) หลักฐานการสํารองสถานที่กักกันตัวทางเลือก ที่ชําระเงินแล้ว (5) หลักฐานการสํารองบัตรโดยสารเครื่องบิน (6) เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน (หากมี) และ (7) ผลตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่เป็นลบ อายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

2. โปรแกรมแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox Program)

2.1 ผู้เดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกําหนด อย่างน้อย 14 วัน ก่อนการเดินทาง โดยต้องมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนซึ่งออกโดยหน่วยงานของรัฐของ ประเทศต้นทาง และต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทยหรือได้รับการรับรอง จากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด โดยผู้เดินทางจะต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีด วัคซีน (ฉบับจริงหรือสําเนาของเอกสารฉบับอิเล็กทรอนิกส์) ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ ด่านควบคุม โรคติดต่อระหว่างประเทศ

2.2 ผู้เดินทางต้องเข้าพักในโรงแรม SHA Extra+ หรือสถานที่กักกันตัวทางเลือก (AQ) เป็นระยะเวลา 7 วัน โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้เดินทางสามารถเดินทางภายในพื้นที่ และเมื่อครบ 7 วัน สามารถ เดินทางออกไปยังพื้นที่อื่นในประเทศได้

2.3 พื้นที่จังหวัดที่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมโปรแกรมแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ (โดยเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าท่าอากาศยานภูเก็ต) และสุราษฎร์ธานี (โดยเที่ยวบินโดยสารภายในประเทศ แบบ sealed route จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเข้าท่าอากาศยานสมุย หรือเที่ยวบินตรงเข้าท่าอากาศยานสมุย

2.4 เอกสารสําหรับการเดินทาง

(1) ชาวไทย ได้แก่ (1) หนังสือเดินทาง (2) หลักฐานการสํารองโรงแรม SHA Extra หรือสถานที่กักกันตัวทางเลือก (AQ) เป็นเวลา 7 วันที่ชําระเงินแล้ว (3) หลักฐานการชําระเงินค่าตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR 2 ครั้ง  (4) หลักฐานการสํารองบัตรโดยสารเครื่องบิน (5) เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน และ (6) ผลตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่เป็นลบ อายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

(2) ชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทย ได้แก่ (1) หนังสือเดินทาง (2) การตรวจลงตรา (กรณีที่ต้องได้รับการตรวจลงตรา) (3) ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ใน ประเทศไทย ซึ่งมีวงเงินไม่ต่ํากว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (4) หลักฐานการสํารองโรงแรม SHA Extra+ หรือ สถานที่กักกันตัวทางเลือก (AQ) เป็นเวลา 7 วันที่ชําระเงินแล้ว (5) หลักฐานการชําระเงินค่าตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR 2 ครั้ง (6) หลักฐานการสํารองบัตรโดยสารเครื่องบิน (7) เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน และ (8) ผลตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่เป็นลบ อายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อน เดินทาง

ที่มา: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง

ประเทศไทยห้ามนักท่องเที่ยวจาก 8 ประเทศในแอฟริกา

เที่ยวบินรับคนไทยจาก 8 ประเทศในแอฟริกากลับประเทศ

รายชื่อโรงแรมกักตัวทางเลือก (Alternative Quarantine) พร้อมแพ็กเกจ AQ

ข้อมูลเดินทางเข้าไทยโครงการ Living in The Blue Zone Sandbox (ไม่ต้องกักตัว)

ราคาโรงแรม SHA Plus+ ในกรุงเทพมหานคร

Join Our FACEBOOK Page!

อัพเดทข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ พร้อมข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการเปิดประเทศในช่วงของการระบาดโควิด-19 

 

Thaiontours

คนไทยไปเที่ยวทั่วโลก!

เว็บไซต์ท่องเที่ยวไทยออนทัวร์ (thaiontours.com) เป็นบล็อกการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยจะเน้นการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ความตั้งใจหลักของเราคือการแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางและให้ข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์การเดินทางทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงแนะนำโรงแรมและที่พัก พร้อมสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ

ติดต่อเรา

จองตั๋วต่างๆ

โรงแรม: Booking.comAgoda.comAirbnb 
รถโดยสาร: 12go.asia
เครื่องบิน: Trip.comKiwi.com
ทัวร์และกิจกรรม: Klook.comGetYourGuide

บริการของเรา