ประเทศไทยผ่อนปรนข้อกำหนดการเข้าประเทศและเตรียมเปิดประเทศสำหรับนักเดินทางที่ได้รับวัคซีนครบโดสโดยไม่มีการกักตัวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางจะยังคงต้องแสดงเอกสารก่อนเดินทางและจะต้องมีผลการตรวจเชื้อโควิด- 19 ทั้งจากประเทศต้นทางและเมื่อมาถึงประเทศไทย
For English Click: Thailand Reopening with No Quarantine
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนที่เดินทางมายังประเทศไทยจะต้องกักกันเป็นเวลา 7 วัน ณ โรงแรมกักตัวทางเลือก (AQ) หรือโรงแรมแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีประกาศว่าประเทศจะเริ่มต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ครบถ้วนโดยไม่ต้องเข้ารับการกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ดังนั้น ผู้เดินทางที่มีสิทธิ์เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนที่มีการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนดอย่างครบถ้วนอย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทางมาประเทศไทยและมีผลตรวจเชื้อ coronavirus เป็นลบก่อนออกเดินทางและเมื่อมาถึงประเทศไทย
แนวทางการรับผู้เดินทางเข้ามายังประทศไทยแบบไม่กักตัวและไม่จํากัดพื้นที่
เงื่อนไขเบื้องต้นในการรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่มีการกักกันและไม่มีการจำกัดพื้นที่ ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ ศบค. เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2564 มีดังนี้
1. เดินทางมาจากประเทศที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด และทางอากาศเท่านั้น
2. มีเอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม
3. มีผลตรวจยืนยันไม่พบเชื้อโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
4. ทําประกันสุขภาพ อย่างน้อย 50,000 USD
5. มีใบจองที่พัก
6. เมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยาน โหลดแอปพลิเคชั่นที่กําหนดและตรวจหาเชื้อ โดยวิธี RT-PCR ในวันที่ 0-1
7. เมื่อผลการตรวจหาเชื้อ ไม่พบเชื้อ สามารถเดินทางไปต่อได้ โดยไม่ต้องกักตัว
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรการเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในไทยตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาลได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ดังนี้
มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
1. เดินทางมาจากประเทศ/พื้นที่ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศอนุมัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ได้มีการลงทะเบียนผ่านระบบหรือเว็บไซต์ที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้เฉพาะกรณีผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางอากาศ โดยผู้เดินทางต้องอยู่ในประเทศ/พื้นที่ดังกล่าวไม่น้อยกว่า 21 วันก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เว้นแต่ ผู้ที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักรซึ่งได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรและได้เดินทางไปยังประเทศ/พื้นที่ ที่ได้รับอนุมัติข้างต้น
2. ให้มีเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนี้
- หนังสือที่รับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry - COE) หรือหลักฐานการลงทะเบียน การเดินทางเข้าราชอาณาจักร ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศกำหนด
- เอกสารรับรองการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 (Medical certificate with a laboratory result indicating that COVID - 19 is not detected) โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ทั้งนี้ หาก ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่ามีเชื้อโรคโควิด - 19 ให้มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าเป็นผู้เคยติดเชื้อและหายแล้วไม่เกิน 3 เดือนด้วย
- กรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือหลักประกันอื่นใดตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทาง อยู่ในราชอาณาจักรในวงเงินไม่น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตามที่ทางราชการกำหนด เว้นแต่กรณีผู้เดินทางที่มีสัญชาติไทย และมีสิทธิในการรักษาพยาบาลตามที่กฎหมายบัญญัติ ไม่ต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว
- หลักฐานการชำระค่าที่พักเมื่อผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร อย่างน้อย 1 วัน และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR ในโรงแรมหรือสถานที่พักซึ่งได้ขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้อง เข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด ได้แก่ สถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการ โรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี อนุมัติและตรวจสอบ
- เอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate of Vaccination) ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด โดยวัคซีนดังกล่าวต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนออกเดินทาง เว้นแต่กรณีผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรมีอายุต่ำกว่า 12 ปี ซึ่งมิได้อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีนที่ได้เดินทางมาพร้อมบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ให้มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 (Medical certificate with a laboratory result indicating that COVID - 19 is not detected) โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลา ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ทั้งนี้ สำหรับกรณีผู้ที่เคยติดเชื้อและได้รับการรักษาหายแล้ว ให้มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าเคยติดเชื้อโรคโควิด - 19 และหลักฐานการได้รับวัคซีน 1 เข็มภายในเวลา 3 เดือนหลังการติดเชื้อโรคโควิด - 19 เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนการออกเดินทาง
มาตรการเมื่อเดินทางถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร
1. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ผู้เดินทาง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (Entry screening)
2. ให้ยื่นเอกสารหรือแสดงหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ
3. ให้เดินทางออกจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมหรือสถานที่พัก สถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำ หนด หรือ สถานที่ที่โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการกำหนด แล้วแต่กรณี เพื่อทำการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 ด้วยวิธี RT-PCR จำ านวน 1 ครั้ง โดยยานพาหนะ ที่จัดไว้เป็นการเฉพาะ โดยต้องไม่มีการแวะหรือหยุดพัก ณ สถานที่ใด ๆ (Sealed Route) ภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ ในระหว่างที่รอผล การตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 ห้ามผู้เดินทางเดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พัก หรือสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนด
4. ในกรณีที่ผลการตรวจเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ในครั้งแรกยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด -19 ให้ผู้เดินทางสามารถเดินทางในราชอาณาจักรได้ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ราชการกำหนดอย่างเคร่งครัดตลอดเวลาที่อยู่ในราชอาณาจักร และให้โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ โรงแรมหรือสถานที่พัก หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด แล้วแต่กรณี มอบชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้อง กับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2(เชื้อก่อโรค COVID -19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (Antigen Self-test Kit หรือ ATK) ให้กับผู้เดินทาง สำหรับการตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง จำนวน 1 ครั้ง ระหว่างวันที่ 6 - 7 ของระยะเวลาที่พำนักหรือเมื่อมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเพื่อยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด -19
5. กรณีผลการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ในครั้งแรก ยืนยันว่าผู้เดินทางมีเชื้อโรคโควิด - 19 โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ พิจารณาดำเนินการ ดูแลรักษาพยาบาลตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หรือประสานส่งต่อผู้เดินทางไปยังสถานพยาบาลหรือสถานที่ตามที่กระทรวง สาธารณสุขหรือทางราชการกำหนด และแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อทันทีโดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจ หรือรักษาพยาบาลทั้งหมด หรือเป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายระหว่างโรงแรมหรือที่พักกับผู้เดินทาง หรือเป็นไปตามสิทธิในการตรวจ หรือรักษาพยาบาลตามที่กฎหมายบัญญัติในกรณีที่ผู้เดินทางเป็นผู้มีสัญชาติไทย
6. ให้ใช้ระบบติดตามหรือติดตั้งแอปพลิเคชันตามที่ทางราชการกำหนด โดยให้เปิดระบบติดตามดังกล่าวไว้ตลอดเวลา เพื่อเฝ้าระวังหรือ ติดตามอาการและบันทึกผลการตรวจหาเชื้อด้วยตนเองระหว่างที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักร
มาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักร
ให้ตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR กรณีประเทศ/พื้นที่ปลายทางกำหนด โดยให้ผู้เดินทางหรือหน่วยงานต้นสังกัดของผู้เดินทาง เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
รายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ
รัฐบาลไทยได้ระบุว่าจะอนุญาตให้นักเดินทางจากประเทศเสี่ยงต่ำเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่มีการกักกันตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดเผยชื่อ 5 ประเทศคือ อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, สิงคโปร์, และจีน
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ประกาศรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางที่สามารถเดินทางเข้าไทยไม่ต้องกักตัว โดยมีรายชื่อ 46 ประเทศ
ค้นหารายชื่อทั้งหมด ได้ที่นี่: รายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ 46 ประเทศ
ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19
สำหรับผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีน มาตรการกักตัวจะยังคงเหมือนเดิม โดยปัจจุบันรัฐบาลได้กำหนดระยะเวลากักตัวเป็นเวลา 10 วันและผู้เดินทางต้องจ่ายค่าโรงแรมกักตัวด้วยตัวเอง
หากคุณยังไม่ฉีดวัคซีน สามารถค้นหารายชื่อโรงแรมกักตัวในประเทศไทยทั้งหมด ได้ที่นี่
พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า)
นอกจากนี้ไทยยังได้ประกาศไทม์ไลน์ 4 ระยะ ในการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่า “พื้นที่สีฟ้า” เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดไปแล้ว 4 จังหวัด คือ ภูเก็ต, สุราษฎร์, พังงาและกระบี่ในโครงการ "แซนด์บ็อกซ์" โดยจะมีการขยายพื้นที่รับนักท่องเที่ยวอีกในช่วง 1-30 พ.ย. 64 รวม 17 จังหวัด
- ภูเก็ต - ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox)
- สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) - สมุยพลัสแซนด์บ็อกซ์ (Samui Plus Sandbox)
- พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) - พังงาแซนด์บ็อกซ์ (Phang Nga Sandbox)
- กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร้เลย์ คลองม่วง ทับแขก) - กระบี่แซนด์บ็อกซ์ (Krabi Sandbox)
ข้อมูลเพิ่มเติม: รายชื่อ 17 จังหวัด พื้นที่สีฟ้านำร่องท่องเที่ยว เตรียมรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย.
Join Our FACEBOOK Page!
อัพเดทข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ พร้อมข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการเปิดประเทศในช่วงของการระบาดโควิด-19
หมายเหตุ: มาตราการ/ข้