รัฐบาลไทยเปิดประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่มีการกักตัวแบบมีเงื่อนไข ตามแผนที่เรียกว่า "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox)" ซึ่งมีจังหวัดภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของไทยเป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรกในการต้อนรับนักเดินทางจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว และแสดงผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 เข้ามาท่องเที่ยว
For English Click: Phuket Sandbox
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) คืออะไร?
แผนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นโครงการใหม่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว โครงการนี้มีเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ก่อนที่ประเทศไทยจะกลับมาเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างเต็มรูปแบบ ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกของไทยที่มีการดำเนินการตามแผนของโครงการ "แซนด์บ็อกซ์" นี้ และนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะภูเก็ตนี้จะไม่กักตัวในห้องพักอีกต่อไป
เงื่อนไข/กฎเกณฑ์ของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
แผนของ Phuket Sandbox ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 โดยในช่วงเริ่มต้นของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้มีการยืนยันแผนเปิดเมืองภูเก็ตในวันที่ 1 ก.ค.2564 เป็นต้นไป เพื่อรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม โดยไม่มีการกักตัวและมีการระบุต้องอยู่ในภูเก็ตเป็นเวลาเพียง 7 วัน ก่อนที่จะเดินทางออกนอกพื้นที่ แต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาระบุว่านักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนต้องอยู่ในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนเดินทางไปยังพื้นที่อื่นในประเทศ
จนกระทั่งในวันที่ 30 กันยายน 2564 ประเทศไทยได้ปรับมาตราการอีกครั้ง โดยมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนวันกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งมีผลทำให้ผู้ที่เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ต้องอยู่บนเกาะภูเก็ตเพียง 7 วันก่อนเดินทางไปยังจังหวัดอื่น
คนไทยเข้าร่วมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้หรือไม่?
มาตรการเข้าจังหวัดภูเก็ตจากต่างประเทศมีการระบุว่าชาวไทยสามารถเข้าร่วม Phuket Sandbox ได้
ใครบ้างที่สามารถร่วมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์โดยไม่ต้องกักตัว?
✔️ ผู้เดินทางอายุ 18 ปีขึ้นไป จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนตามเกณฑ์ของวัคซีนแต่ละชนิด เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทาง โดยวัคซีนนั้นต้องผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือ กระทรวงสาธารณสุขของไทย และผู้เดินทางต้องแสดงเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน (Certificate of Vaccination) ให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบได้
✔️ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ยังไม่ได้รับวัคซีนแต่เดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว สามารถเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตในโครงการ Phuket Sandbox ได้ ต้องมีใบรับรองแพทย์พร้อมผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยวิธี RT-PCR ซึ่งระบุว่าตรวจไม่พบ COVID-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนวันเดินทาง
✔️ คนไทยและคนต่างชาติสามารถเข้าร่วมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้
ประเทศที่สามารถเข้าร่วมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ประเทศไทยต้อนรับนักเดินทางจากทุกประเทศทั่วโลกให้เข้าร่วมโครงการแซนด์บ็อกซ์ โดยไม่มีการแบ่งรายชื่อประเทศตามระดับความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19
แผนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะเปิดสำหรับนักเดินทางที่บินมายังประเทศไทยจากประเทศเสี่ยงต่ำและปานกลางของไวรัส SAR-CoV-2 ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข และททท. รายชื่อประเทศที่มีสิทธิ์เข้าร่วมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์กำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุขและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เอกสารที่ต้องใช้สำหรับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
สำหรับการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยและเข้าร่วม Phuket Sandbox ผู้เดินทางจะต้องยื่นขอ Thailand Pass เพื่อใช้ในเดินทางเข้าประเทศเช่นเดียวกับทุกคนที่เดินทางมาประเทศไทยในช่วงการระบาดของโควิด-19
ผู้เดินทางทุกคนต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง (Certificate of Vaccination) โดยวัคซีนจะต้องขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทย หรือได้รับการรับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และต้องส่งหลักฐานการฉีดวัคซีนเมื่อลงทะเบียน Thailand Pass
ผู้เดินทางจะต้องแสดงหลักฐานการจองโรงแรม SHA Extra Plus (SHA++) และหลักฐานการชําระค่าโรงแรมล่วงหน้า โดยระบุระยะเวลาการเข้าพักไม่ต่ำกว่า 7 คืน
หลักฐานการการจองตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งจองผ่านระบบ Phuket Swab Appointment System (PSAS)
ตั๋วเครื่องบินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศไปภูเก็ต
ในการเดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวยังคงจะต้องแสดงหนังสือยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 (COVID-19 Free Certificate) ที่ออกให้ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางถึงประเทศไทย
สําหรับกรณีที่ท่องเที่ยวในภูเก็ตน้อยกว่า 7 วัน ให้แสดงบัตรโดยสารขาออกจากภูเก็ต, หลักฐานการชําระเงินค่าที่พัก และค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในช่วงเวลาดังกล่าว
ประกันโควิด COVID-19 สำหรับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางมายังประเทศไทยต้องมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลหรือหลักประกันอื่นใดในจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 USD
คลิกด้านล่างเพื่อเปรียบเทียบราคาเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด คุณสามารถซื้อประกันสุขภาพออนไลน์ในเว็บไซต์ประกันภัยได้อย่างง่ายดายได้เพียงไม่กี่คลิ้ก ⬇️
- Sawasdee Thailand - แผนประกันนี้สามารถใช้ประกอบการเดินทางเข้าประเทศไทย คุ้มครองตรงตามเงื่อนไขการสมัคร Thailand Pass ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล รวมโรคจาก COVID -19 สูงสุด 1.75 ล้านบาท ชาวต่างชาติหลายพันคนเลือกใช้ประกันนี้สำหรับเพื่อเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงการระบาดของ COVID-19
- Thailand Pass Insurance - กรมธรรม์ยอดฮิตสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติ มีความคุ้มครองวงเงินขั้นต่ำ 50,000 USD ตามที่กำหนด สามารถซื้อได้ง่ายๆ ทางออนไลน์
- Tune Protect iPass - บริษัทประกันของไทยที่เสนอประกันสุขภาพสําหรับทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตเนื่องจากโรคติดเชื้อ COVID-19
เช็ครายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยโควิด-19 สำหรับการเดินทางเข้าประเทศได้โดยคลิกลิ้งค์ด้านล่างนี้
โรงแรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (โรงแรม SHA Extra Plus ในภูเก็ต)
แม้ว่าจะไม่มีข้อกำหนดในการกักตัว แต่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังภูเก็ตต้องพำนักในโรงแรมที่ได้รับเครื่องหมายรับรอง SHA Extra Plus (SHA++) เท่านั้น ซึ่งเครื่องหมาย SHA+ คือ สัญลักษณ์มาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัย ออกโดยททท.และ สธ. เพื่อยืนยันมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขภาพที่มีมาตรฐานแก่ผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ หลังการเข้าพักตามระยะเวลาที่กำหนดสามารถเดินทางไปยังจังหวัดอื่นในประเทศไทยได้
ผู้เดินทางต้องเข้าพักในโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA Extra Plus เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 คืน ในกรณีที่เข้าพักในภูเก็ตน้อยกว่า 7 คืน จะต้องเดินทางกลับประเทศโดยใช้สนามบินนานาชาติภูเก็ต
โรงแรม SHA Extra Plus ในภูเก็ตสามารถจองผ่านเว็บไซต์จองที่พักออนไลน์ต่างๆ เช่น Booking.com, Agoda.com หรือโรงแรมโดยตรง ผู้เข้าพักจะต้องอัพโหลดใบยืนยันการจองโรงแรม SHA Extra Plus ในระบบ Thailand Pass เพื่ออนุมัติในการเดินทางเข้าประเทศ
รายชื่อโรงแรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นโรงแรม SHA Extra Plus (SHA++) ในจังหวัดภูเก็ต ได้มีการรวบรวมไว้ในลิ้งค์ด้านล่างนี้ ⬇️
โรงแรม SHA Extra Plus ในจังหวัดภูเก็ต แบ่งตามพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดภูเก็ตเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา มีดังต่อไปนี้:
- โรงแรมบริเวณหาดป่าตอง
- โรงแรมบริเวณตัวเมืองภูเก็ต
- โรงแรมบริเวณหาดกะตะ
- โรงแรมบริเวณหาดกะรน
- โรงแรมบริเวณหาดบางเทา
- โรงแรมบริเวณหาดกมลา
- โรงแรมบริเวณหาดไม้ขาว
- โรงแรมบริเวณหาดราไวย์
- โรงแรมบริเวณหาดในยาง
- โรงแรมบริเวณหาดสุรินทร์
- โรงแรมบริเวณตัวเมืองภูเก็ต
- โรงแรมบริเวณฉลอง
- โรงแรมราคาถูกในจังหวัดภูเก็ต
- โรงแรมรีสอร์ทริมชายหาดในภูเก็ต
- โรงแรม 5 ดาวสุดหรูในภูเก็ต
โรงแรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 20 อันดับแรก จากผู้อ่านของเรา มีดังต่อไปนี้:
- โรงแรมอันดามันตรา รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า ภูเก็ต
- โรงแรม โอเชี่ยนฟร้อนท์บีชรีสอร์ทแอนด์สปา
- โรงแรมเครส รีสอร์ท และ พลูวิลล่า
- วินด์แฮม ซี เพิร์ล รีสอร์ต ภูเก็ต
- โรงแรมพูลแมน ภูเก็ต อาเคเดีย หาดในทอน
- แกรนด์ เมอร์เคียว ภูเก็ต ป่าตอง รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า
- โรงแรม ภูเก็ต แมริออท รีสอร์ทแอนด์สปา เมอร์ลินบีช
- โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต
- โรงแรม เดอะ รอยัล พาราไดส์ แอนด์ สปา
- โรงแรมไดมอนด์ คลิฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา
- โนโวเทล ภูเก็ต กมลา บีช
- โรงแรม ไอบิส ภูเก็ต ป่าตอง
- โรงแรม ดับเบิลทรี บาย ฮิลตัน ภูเก็ต บ้านไทยรีสอร์ท
- โรงแรม เจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา
- โรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อาร์เคเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา
- ไอส์แลนด์ เอสเคป บาย บุราส่าหรี
- ปริภัส ป่าตอง รีสอร์ท
- ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ภูเก็ต ป่าตองบีช เซ็นทรัล
- โฮเทล โคลเวอร์ ป่าตอง ภูเก็ต
- บุราส่าหรี ภูเก็ต
การตรวจโควิด-19 ที่ภูเก็ต
ระหว่างการเข้าพักในจังหวัดภูเก็ต ผู้เดินทางทุกคนต้องเข้ารับการตรวจโควิด-19 จำนวน 2 ครั้ง และออกค่าใช้จ่ายเอง ดังนี้
- ตรวจครั้งแรก: เมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดภูเก็ตและรอผลการตรวจโควิด-19 ในที่พัก
- ตรวจครั้งที่สอง: ในวันที่ 6 หรือ 7 หลังจากเดินทางถึง
- ตรวจครั้งที่สามในวันที่ 12 หรือ 13 (ยกเลิกสำหรับผู้เดินทางเข้าตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2021 เป็นต้นไป)
การตรวจโควิด-19 ทั้งหมดต้องจองและชำระเงินล่วงหน้าผ่านระบบนัดหมายของ PSAS ผู้เดินทางจะต้องแนบเอกสารยืนยันการชำระเงินค่าตรวจโควิด-19 จากสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองเมื่อลงทะเบียน Thailand Pass
ดูเพิ่มเติม: ขั้นตอนการจองตรวจโควิด-19 ในภูเก็ต
Phuket Swab Centers
- ไม้ขาว (ภูเก็ตเหนือ) โทร. 096-643-4572
- ลากูน่า (เชิงทะเล) โทร. 076-325-442
- ป่าตอง (จังซีลอน) โทร. 093-574-0683
- กะตะ (กะตะเซ็นเตอร์) โทร. 081-693-6586
- ตัวเมืองภูเก็ต (เซ็นทรัล ฟลอเรสต้า) โทร. 088-765-0363
ถ้าหากคุณต้องการผลตรวจโควิดเพื่อเดินทางกลับต่างประเทศหรือกลับต่างจังหวัด คุณอาจต้องทดสอบ COVID-19 เพิ่มเติมก่อนออกเดินทาง โดยทั่วไปโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งให้บริการตรวจโควิด-19 และแพ็คเกจของการตรวจโควิด-19 แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของการทดสอบและสถานที่ตรวจ ค่าใช้จ่ายของการทดสอบ COVID-19 แบบ RT-PCR อยู่ที่ประมาณ 2,500-4,000 บาทต่อคน และการทดสอบแบบ Rapid Antigen Test อยู่ที่ประมาณ 500-1,000 บาทต่อคน
โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต หนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำบนเกาะภูเก็ต เสนอแพ็กเกจตรวจ COVID-19 RT-PCR, Fit-To-Fly Certificate, รายงานผลตรวจ และค่าที่ปรึกษา พร้อมรับผลตรวจภายใน 24 ชม. (วันถัดไป) ในราคา 3,500 บาท สามารถจองแพ็คเกจออนไลน์ได้ในราคาพิเศษ 3,400 บาท
จองตรวจโควิดวิธี RT-PCR ในภูเก็ต
คลินิกนาบอน อินเตอร์เมดิคอล ใจกลางเมืองภูเก็ต ให้บริการตรวจโควิดทั้งวิธี Antigen Test และ RT-PCR โดยบุคลากรทางการแพทย์มืออาชีพโดยเริ่มต้นที่ 690 บาท
จองตรวจโควิดวิธี Antigen Test ในภูเก็ต
จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณตรวจพบเชื้อโควิด-19
ในกรณีที่คุณมีผลโควิด-19 เป็นบวกคุณจะถูกส่งตัวไปยังสถานพยาบาลเพื่อรับการรักษา คุณจะต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลซึ่งครอบคลุมในประกัน COVID-19 ที่กำหนด
หากคุณเดินทางเป็นกลุ่ม ผู้เดินทางที่เหลือในกลุ่มจะต้องเข้าพักในโรงแรมกักตัว AQ ในจังหวัดภูเก็ต และจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายกักตัวเอง
ผู้ที่มีอาการใดอาการหนึ่งของโรคโควิด-19 จะต้องเข้ารับการตรวจทันที หากเดินทางเป็นหมู่คณะ ทุกคนในกลุ่มจะต้องตรวจโควิดเช่นกัน
สายการบินไปภูเก็ต
สายการบินหลายสายได้มีการประกาศเที่ยวบินตรงไปภูเก็ต เช่น การบินไทย, สิงคโปร์แอร์ไลน์, เอมิเรตส์, กาตาร์แอร์เวย์, อีวาแอร์, โคเรียนแอร์ ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปภูเก็ตควรติดต่อสายการบินโดยตรงสำหรับอัพเดทเที่ยวบินปัจจุบันและข้อกำหนดการเดินทาง
ดูเพิ่มเติม: รายชื่อเที่ยวบินระหว่างประเทศสู่ภูเก็ต (Phuket Sandbox Flights)
Update: เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป การเดินทางไปภูเก็ต เฉพาะผู้โดยสารซีลรูท (Sealed Route) สามารถต่อเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ โดยต้องเป็นเที่ยวกำหนดเท่านั้น ได้แก่ PG5275 และ PG5279 ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส
ดูเพิ่มเติม: เที่ยวบินพิเศษกรุงเทพ-ภูเก็ต เริ่ม 1 ก.พ.นี้
Join Our FACEBOOK Page!
อัพเดทข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ พร้อมข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการเปิดประเทศในช่วงของการระบาดโควิด-19
แผนการชะลอหรือยกเลิกโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์อาจถูกระงับหรือยกเลิกหากมีการระบาดของ Covid-19 ในจังหวัดภูเก็ต ในกรณีดังนี้
- มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์
- มีลักษณะการกระจายโรคในจังหวัดทั้ง 3 อำเภอ และมากกว่า 6 ตำบล
- มีการระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์
- มีการระบาดในวงกว้างที่หาสาเหตุหรือความเชื่อมโยงไม่ได้
- มีผู้ติดเชื้อครองเตียงตั้งแต่ร้อยละ 80 ของศักยภาพ
การฉีดวัคซีนที่ภูเก็ต
ความสำเร็จของโครงการ Phuket Sandbox ยังขึ้นอยู่กับผลการฉีดวัคซีนด้วย รัฐบาลได้มีการระบุเงื่อนไขหนึ่งที่สำคัญ คือ ภายในต้นเดือนกรกฎาคม คนภูเก็ตต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ประมาณ 70 % ของประชากรทั้งหมดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ประชาชนอย่างน้อย 466,000 คนที่อาศัยอยู่บนเกาะภูเก็ตควรได้รับการฉีดวัคซีนประมาณ 933,000 โดสในพื้นที่ภูเก็ตภายในเดือนมิถุนายน
ไทม์ไลน์/ข่าวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
อัพเดท 29 กันยายน 2564
ประเทศไทยได้ปรับมาตราการโดยมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนวันกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ซึ่งมีผลทำให้ผู้ที่เดินทางเข้าภูเก็ตต้องอยู่ในพื้นที่เพียง 7 วันก่อนเดินทางไปยังจังหวัดอื่น นอกจากนี้ยังมีการลดจำนวนการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เหลือเพียง 2 ครั้ง
ประกาศเพิ่มเติมจากสถานทูตไทย
- ผู้ที่ได้จองโรงแรม SHA Plus ไปแล้ว 14 วัน สามารถติดต่อโรงแรม SHA Plus เพื่อเปลี่ยนแปลง/ลดวันเข้าพักให้เหลือ 7 วันได้
- ผู้ที่ได้จองตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ครั้ง สามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงจำนวนครั้งการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และขอรับค่าตรวจหาเชื่อโควิด-19 ครั้งที่ 3 คืน ได้เมื่อเดินทางถึงไทย
- ผู้ที่จะเดินทางเข้า Phuket Sandbox ที่จะถึงไทยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 และได้รับการอนุมัติ COE ไปก่อนที่จะมีประกาศนี้ สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยด้วย COE ฉบับนั้นได้เลย โดยเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยสามารถดำเนินการลดจำนวนวันเข้าพักและขอรับค่าจองโรงแรมที่ได้ชำระเกินวันที่ 7 คืนจากโรงแรม ตลอดจนดำเนินการเปลี่ยนแปลงจำนวนครั้งการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และขอรับค่าตรวจหาเชื่อโควิด-19 ครั้งที่ 3 คืน
อัพเดท 29 มิถุนายน 2564
แผนของ Phuket Sandbox มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 7/2564 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2564 โดยมีเนื้อหาดังนี้
มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
1. ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่ชุมชนไม่น้อยกว่า 14 วัน
2. เดินทางมาจากประเทศ/พื้นที่ซึ่ง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 (ศบค.) หรือศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศอนุมัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนดโดยการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และได้มีการลงทะเบียนผ่านระบบหรือเว็บไซต์ที่ทางราชการกําหนด ทั้งนี้ ผู้เดินทางต้องอยู่ในประเทศดังกล่าวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 21 วันก่อนออกเดินทาง เว้นแต่ผู้ที่พํานักอยู่ในราชอาณาจักรซึ่งได้เดินทางออกจากราชอาณาจักรและได้เดินทางไปยังประเทศ/พื้นที่ที่ได้รับอนุมัติข้างต้น โดยให้มีเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนี้
- หนังสือที่รับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry - COE)
- ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 (Medical Certificate with a laboratory result indicating that COVID - 19 is not detected) โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
- กรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลหรือหลักประกันอื่นใดซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด - 19 ตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักร ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- หลักฐานการชําระค่าที่พักและค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR โดยระบุระยะเวลาการเข้าพักไม่น้อยกว่า 14 วัน ในโรงแรมหรือสถานที่พัก ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกําหนด สําหรับกรณีที่ผู้เดินทางพํานักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลาน้อยกว่า 14 วัน ให้มีบัตรโดยสารของสายการบินที่ระบุห้วงระยะเวลาในการเดินทางออกจากราชอาณาจักร หลักฐานการชําระเงินค่าที่พัก และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR ในห้วงเวลาดังกล่าว
- เอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate of Vaccination) ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกําหนด ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้น ทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ สําหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน และเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้มีใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 (Medical Certificate with a laboratory result indicating that COVID - 19 is not detected) โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
3. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศของประเทศ/พื้นที่ต้นทาง ก่อนออกเดินทาง
มาตรการเมื่อเดินทางถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร
- ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึง การดําเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศจุดแรกที่มีการเดินทางเข้ามาภายในราชอาณาจักร ก่อนเดินทางต่อไปยัง ท่าอากาศยานจุดหมายปลายทางที่เป็นพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว
- ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึง การดําเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศหรือในพื้นที่ของท่าอากาศยานจุดหมายปลายทางที่เป็นพื้นที่จังหวัดนําร่อง ด้านการท่องเที่ยว
- กรณีพํานักอยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 7 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 - 7 ของระยะเวลาที่พํานักหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด
- กรณีพํานักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 10 - 14 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 - 7 และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12 - 13 ของระยะเวลาที่พํานักหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด
- ให้ตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR กรณีประเทศ/พื้นที่ปลายทางกําหนด โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
- ในกรณีผู้เดินทางออกจากพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร ให้ผู้เดินทางแสดงหลักฐานการพํานักที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว พร้อมหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR ตามข้อ 4.2) ข. ต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดต้นทางและจังหวัดปลายทางตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกําหนด
อัพเดท 28 มิถุนายน 2564
ททท. ได้เผยข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการเปิดประเทศไทยและมาตรการเข้าประเทศไทยสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเริ่มจากภูเก็ตเป็นประเทศนำร่องตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ดังนี้
ก่อนเดินทาง
- ผู้เดินทางควรหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่แออัดไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันเดินทาง
- ผู้เดินทางต้องเดินทางจากประเทศ/ภูมิภาคที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และททท. เสนอ และต้องอยู่ในประเทศดังกล่าวไม่น้อยกว่า 21 วันก่อนวันเดินทาง
- ต้องลงทะเบียนการเดินทางผ่านระบบหรือเว็บไซต์ที่กำหนด และมีเอกสารดังต่อไปนี้:
- หนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (COE)
- ใบรับรองแพทย์พร้อมผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยวิธี RT-PRC ระบุว่าตรวจไม่พบ COVID-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนวันเดินทาง
- สำเนากรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาอังกฤษ ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและค่ารักษาสำหรับ COVID-19 ตลอดระยะเวลาในประเทศไทย โดยระบุความคุ้มครองอย่างชัดเจนไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- สำเนาการยืนยันการชำระเงินสำหรับการเข้าพัก 14 คืนและการทดสอบ RT-PCR
- ในกรณีที่ระยะเวลาพำนักน้อยกว่า 14 วัน ผู้เดินทางจะต้องแสดงตั๋วเที่ยวบินที่ยืนยันแล้วออกจากประเทศไทย
- ใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 พร้อมวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุขหรือองค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันเดินทาง
- ผู้เดินทางต้องผ่านการตรวจคัดกรองทางออกก่อนออกเดินทางมาถึง
วันที่เดินทางมาถึง
- ผู้เดินทางต้องผ่านการตรวจคัดกรองการเข้าเมือง ตลอดจนขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันแจ้งเตือนตลอดจนเปิดแอปพลิเคชันตลอดเวลาตลอดระยะเวลาในประเทศไทย
- เดินทางไปยังโรงแรมที่จองไว้ด้วยบริการรับส่งสนามบินที่ได้รับอนุมัติ
- เข้ารับการทดสอบ COVID-19 (วิธี RT-PCR) โดยออกค่าใช้จ่ายเองตามข้อกำหนดต่อไปนี้:
- ทำการทดสอบครั้งแรกเมื่อเดินทางมาถึงและรอผลการทดสอบในที่พัก
- ทำการทดสอบ RT-PCR เพิ่มเติมตามข้อกำหนดต่อไปนี้:
- ผู้เดินทางที่มีระยะเวลาพำนักน้อยกว่า 7 วันจะต้องทำการทดสอบอีกครั้งในวันที่ 6 หรือ 7 หรือตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
- ผู้เดินทางที่มีระยะเวลาพำนักระหว่าง 10-14 วัน ต้องทำการทดสอบครั้งที่สองในวันที่ 6 หรือ 7 และการทดสอบครั้งที่สามในวันที่ 12 หรือ 13 หรือตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
- หากผลตรวจเป็นลบสำหรับ COVID-19 ผู้เดินทางสามารถไปได้ทุกที่ในภูเก็ต
- ผู้เดินทางที่ตั้งใจจะเข้าพักน้อยกว่า 14 วันต้องออกจากภูเก็ต (ประเทศไทย) โดยทันทีโดยเที่ยวบินระหว่างประเทศไปยังประเทศอื่น
- ผู้เดินทางที่เข้าพักในภูเก็ตครบ 14 คืนแล้ว จะได้รับอนุญาตให้เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ของประเทศไทย
การเดินทางออกระหว่างประเทศ / ภายในประเทศ
- สำหรับการเดินทางจากภูเก็ตไปยังประเทศอื่น ผู้เดินทางควรปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการที่ประกาศโดยประเทศปลายทางนั้นๆ
- สำหรับการเดินทางจากภูเก็ตไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ของไทย ผู้เดินทางจะต้องแสดงหลักฐานว่าได้เข้าพัก 14 คืนพร้อมกับเอกสารที่จำเป็นอื่นๆ ตามหลักเกณฑ์และมาตรการที่ประกาศโดยจุดหมายปลายทางนั้นๆ
อัพเดท 19 มิถุนายน 2564
แผนของ Phuket Sandbox ได้รับการอนุมัติการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) ในวันที่ 18 มิถุนายน 2564 และจะมีการเสนอเพื่อขออนุมัติขั้นสุดท้ายจากคณะรัฐมนตรี
ร่างมาตรการเข้าจังหวัดภูเก็ต (ตามราชกิจจานุเบกษา) มีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง
เกณฑ์การรับนักท่องเที่ยว Phuket Sandbox
- กําหนดประเทศของนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ และปานกลาง (สธ.กําหนด และททท.เลือกบางประเทศ
- คนต่างชาตติต้องพำนักอยู่ในประเทศความเสี่ยงต่ำและปานกลาง อย่างน้อย 21 วันก่อนเดินทางเข้าพื้นที่
- คนไทย และคนต่างชาติที่มีถิ่นพํานักในไทย ที่เดินทางกลับมาจากกลุ่มประเทศความเสี่ยงและปานกลาง
- การได้รับวัคซีนที่รับรองโดย อย. หรือ WHO ครบกําหนดตามประเภทวัคซีนอย่างน้อย 14 วัน และมีเอกสารรับรอง การได้รับวัคซีน (Vaccine Certificate) ถูกต้อง
- กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี มากับผู้รับวัคซีนให้เดินทาง พร้อมผู้ปกครองได้
- กรณีเคยติดเชื้อ ต้องได้รับวัคซีนครบตามประเภทของวัคซีนอย่างน้อย 14 วัน
เมื่อเดินทางมาถึงภูเก็ต
- ติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะ (ภาษาอังกฤษ)
- เข้ารับการตรวจหาเชื้อ ณ สนามบินภูเก็ด
- เดินทางเข้าที่พัก SHA+ ด้วยพาหนะที่กําหนด
- รอผลการตรวจในห้องพัก เมื่อไม่พบเชื้อสามารถออก จากห้องพักและเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้
ระหว่างพํานักในภูเก็ต
- พํานักในภูเก็ตอย่างน้อย 14 คืน กรณีอยู่น้อยกว่า 14 คืน ต้องเป็นการเดินทางด้วยเที่ยวบินตรงออกนอกราชอาณาจักร จากจังหวัดภูเก็ตเท่านั้น
- ตรวจ RT-PCR ตามระยะเวลาที่พํานัก (ในวันที่ 6-7 และ 12-13)
ก่อนเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต
- จากจังหวัดภูเก็ตไปจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยให้แสดงหลักฐานยืนยันว่าได้พํานักในภูเก็ดอย่างน้อย 14 คืน
อัพเดท 12 มิถุนายน 2564
เฟซบุ๊กประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ได้ระบุถึงการดำเนินการของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดังนี้
"โครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox) เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากข้อสั่งการของผม ในการหาหนทางในการทดลองเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว เพื่อฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศมาตลอด โดยพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดนั่นคือจังหวัดภูเก็ต ที่เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและเป็นเกาะที่สามารถควบคุมการเข้าออกได้ ดังนั้นเราจึงมีการเตรียมความพร้อมด้วยการระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในภูเก็ต ซึ่งในวันนี้ฉีดไปมากกว่า 70% ของประชากรทั้งจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะพี่น้องในภาคการท่องเที่ยวที่เราจะฉีดให้ครบ 100% ซึ่งจะเปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และต้องพักอาศัยในภูเก็ตอย่างน้อย 14 วันก่อนจะไปท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นต่อได้ และจะมีระบบตรวจโรคและติดตามตัวอย่างเข้มงวดด้วย
โดยโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” นี้ได้ผ่านการพิจารณาจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) และคณะรัฐมนตรีได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปรับปรุงรายละเอียดเพื่อให้ ศบค. และ ครม. อนุมัติอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ และจะเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆต่อไป
สำหรับส่วนกิจการอื่นๆ เช่นร้านอาหาร หรือพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่ยังมีเงื่อนไขการปิดสถานที่ หรือมีข้อจำกัดต่างๆ ผมและศบค. มีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยคำนึงถึงทั้งความปลอดภัยทางสาธารณสุขและการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน และจะประกาศให้ทราบทันทีที่มีมติในการเปลี่ยนแปลงครับ"
อัพเดท 8 มิถุนายน 2564
ททท.เผยข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโมเดล Phuket Sandbox เปิดให้บริการภูเก็ตอย่างปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 1 ก.ค. ดังนี้
ก่อนเดินทาง
ผู้เดินทางต่างประเทศที่ได้รับวัคซีนและบุตรหลาน จำเป็นต้องเตรียมเอกสารล่วงหน้าทั้งหมดตามลำดับสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ ดังนี้
- ใบรับรองวัคซีนเพื่อพิสูจน์ว่าได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ครบถ้วนแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน แต่ไม่เกิน 1 ปีก่อนวันเดินทางด้วยวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุขหรือได้รับการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก (WHO)
- วีซ่า (สำหรับต่างขาติ)
- หนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (COE) ที่ออกโดยสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
- กรมธรรม์ประกันสุขภาพ COVID-19 ที่มีความคุ้มครองขั้นต่ำ 100,000 เหรียญสหรัฐ (สำหรับต่างขาติ)
- การยืนยันการจองโรงแรมเป็นเวลา 14 คืน
- ใบรับรองแพทย์พร้อมผลห้องปฏิบัติการ RT-PCR ระบุว่าตรวจไม่พบ COVID-19 ออกไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง
วันที่เดินทางมาถึง
- ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร และการตรวจคัดกรอง COVID-19
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ThailandPlus
- เช็คอินที่สถานประกอบการที่พักที่ได้รับการรับรอง SHA Plus ที่จองล่วงหน้าและพักที่นั่นไม่น้อยกว่า 14 คืน
ระหว่างการเข้าพักในภูเก็ต
- เข้ารับการทดสอบ COVID-19 โดยใช้วิธี RT-PCR หรือวิธี rapid antigen ในวันที่ 5 ที่คุณมาถึงตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
- มีส่วนร่วมในกิจกรรมการท่องเที่ยวหรือเพลิดเพลินกับบริการในสถานที่และธุรกิจที่ได้รับการรับรอง SHA Plus ภายใต้มาตรการป้องกัน DMHTTA
- กรณีฉุกเฉินในกรณีที่มีอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจหรืออาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ ณ ที่พักของท่าน หรือติดต่อโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
- เจ้าของสถานประกอบการที่พักต้องรายงานรายชื่อและสถานะของแขกต่างชาติทั้งหมดต่อผู้มีอำนาจในจังหวัดทุกวัน
สิ้นสุดการเข้าพัก
- สำหรับการเดินทางจากภูเก็ตไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆของไทย ผู้เดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะต้องแสดงใบรับรองวัคซีนและใบรับรองแพทย์ที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ
- สำหรับการเดินทางจากภูเก็ตไปยังประเทศอื่นๆ ผู้เดินทางควรปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการที่ประกาศโดยประเทศปลายทางนั้น ๆ
อัพเดท 28 พฤษภาคม 2021
ททท.ออกหนังสือแจ้งแผนการเปิดภูเก็ตถึงพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวที่อยู่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแสดงการยืนยันว่า จังหวัดภูเก็ตจะเปิดเมืองเพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้
จดหมายดังกล่าวมีเนื้อหาว่า " ตามมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. เมื่อวันที่ 26 มีนาคม2564 โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบข้อเสนอของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในหลักการให้เปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19ครบแล้ว และมีผลตรวจเป็นลบ
สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยในพื้นที่นำร่องจังหวัดภูเก็ต โดยไม่มีการกักตัวและอยู่ในจังหวัดภูเก็ตเป็นระยะเวลา 7 วัน ก่อนออกเดินทางไปพื้นที่อื่นๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป โดยถือเป็นวาระจำเป็นเร่งด่วนเพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ นั้น ททท. ขอยืนยันแผนการเปิดเมืองภูเก็ต (Phuket Sandbox) เพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป และมุ่งมั่นในการผลักดันร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้ฟื้นคืนกลับมาโดยเร็ว"
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา
อัพเดท 13 พฤษภาคม 2021
ขณะที่หลายคนแสดงความสนใจภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และกังวลว่ารัฐบาลไทยจะไม่เปิดประเทศตามแผน ททท.ได้ยืนยันว่ายังคงเดินหน้าดำเนินการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาประเทศไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน คาดว่านักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักที่ฉีดวัคซีน จำนวนกว่า 129,000 คนจะมาเยือนประเทศไทยเมื่อเปิด Phuket Sandbox นอกจากนี้ยังกล่าวว่าจะมีการจัดทำแพ็คเกจทัวร์ระยะเวลา 7 คืนเสนอขายในราคา 150,000-220,000 บาทต่อคน
นอกจากนี้ ททท. ยังได้หารือกับสายการบินต่างๆ เพื่อร่วมรณรงค์และร่วมทำแคมเปญแจกตั๋วเครื่องบินภายในประเทศฟรี มูลค่า 2,000 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าร่วมโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และต้องการเดินทางไปต่างจังหวัดจากภูเก็ตหลังจาก 7 วัน เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเป็นไปตามเป้าหมาย
อัพเดท 1 เมษายน 2021
ประเทศไทยลดวันกักตัวพร้อมประกาศแผนเปิดประเทศ 3 ระยะ
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน จากการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19ได้มีมติให้ลดวันกักตัวจาก 14 วันเป็น 10 วัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2564 นอกจากนี้ยังมีให้ลดวันกักตัวเหลือ 7 วันสำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว การลดระยะเวลากักกันในประเทศไทยนี้ ไม่ได้ใช้กรณีผู้เดินทางจากประเทศที่มีเชื้อโควิด - 19 กลายพันธุ์ตามที่ สธ. กําหนด ซึ่งจะต้องดำเนินการกักกันเป็นเวลา 14 วันตามระเบียบข้อบังคับเดิม
Update: อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ผู้เดินทางจะต้องได้รับการกักกันอีกครั้งเป็นเวลา 14 วันโดยไม่คำนึงถึงสัญชาติหรือสถานะการฉีดวัคซีน
ระยะที่ 2 มีกำหนดจะดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายนโดยเริ่มจากเกาะภูเก็ตซึ่งนักท่องเที่ยวที่ฉัดวัคซีนจะไม่ต้องกักตัว
ระยะที่ 3 มีกำหนดจะจัดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม โดยที่กระบี่ พังงา เกาะสมุย พัทยา และเชียงใหม่ จะดำเนินการตามภูเก็ตและจะเริ่มรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนโดยไม่มีการกักกัน
คาดว่าการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบจะมีขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2565
อัพเดต 26 มีนาคม 2021
โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้รับการอนุมัติจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบในแผนการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีน ซึ่งต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ จึงจะสามารถเดินทางไปภูเก็ตได้โดยไม่ต้องกักตัว หรือที่เรียกว่า Phuket Sandbox.
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 มีแผนจะเปิดพื้นที่ภูเก็ตสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีการกักกัน
หากโครงการนี้สำเร็จ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 จะดำเนินการในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอื่นๆ เช่น ชลบุรี (พัทยา) เชียงใหม่ กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และฉีดวัคซีนครบตามจำนวนที่กำหนดและตรวจหาเชื้อโควิด-19
Test & Go ในภูเก็ต
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนและเดินทางจากประเทศความเสี่ยงต่ำ สามารถเข้าสู่ประเทศไทยได้โดยไม่ต้องผ่านการกักตัวภายใต้โครงการ TEST & GO คลิกดูข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับโครงการ Test & Go ในภูเก็ตที่นี่ : โครงการ Test & Go ในภูเก็ต
หมายเหตุ
โปรดทราบว่าในช่วงการระบาดของ COVID-19 กฎและข้อบังคับมักจะมีการเปลี่ยนแปลง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศของคุณเพื่ออัพเดทข้อมูลอยู่เสมอ