รายละเอียดประกาศสถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ ที่ 9/2565 เรื่อง การปรับเปลี่ยนมาตรการในการเข้า-ออก สปป. ลาว ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้
ดูเพิ่มเติม:
- เอกสารในการเข้า-ออก สปป. ลาว ตั้งแต่ มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
- มาตรการในการเข้า-ออก สปป. ลาว พฤษภาคม 2565
ตามประกาศสถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ ที่ 8/2565 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 แจ้งคําแนะนําเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน ควบคุม และสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงระยะใหม่ นั้น
บัดนี้ ห้องว่าการสํานักนายกรัฐมนตรี ได้ออกแจ้งการ ที่ 258/หสนย. ลงวันที่ 1 มีนาคม 2565 แจ้งคําแนะนําของรัฐบาล สปป. ลาว เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนมาตรการในการเข้า-ออก สปป. ลาว บางประการ ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้
1. เห็นชอบอนุญาตให้กระทรวงการต่างประเทศออกวีซ่าให้กลุ่มเป้าหมายที่ได้ลงทะเบียน QR Code (Vaccine ID) ในเว็บไซต์ laogreenpass.gov.la โดยไม่ผ่านคณะเฉพาะกิจเพื่อป้องกัน ควบคุม และแก้ไข การระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้
1.1 นักการทูตและเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ ที่อยู่ในเครือข่ายขององค์การสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศที่ได้รับเอกสิทธิ์และอภิสิทธิ์ทางการทูต
1.2 กลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน
1.3 คนต่างประเทศที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ แรงงาน ผู้ประกอบการ นักศึกษา คนเชื้อชาติลาว และครอบครัวของพลเมืองลาว
2. เห็นชอบให้ยกเลิกการสวมใส่อุปกรณ์ติดตามทางการแพทย์ สําหรับกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ที่จะเดินทางเข้ามา สปป. ลาว โดยเปลี่ยนไปใช้ระบบ QR Code ของ LaoKYC
3. เห็นชอบให้คงการผ่อนผันระยะเวลากักตัวสําหรับผู้ที่จะเดินทางเข้ามา สปป. ลาว ดังนี้
3.1 คณะผู้แทนหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่ไปปฏิบัติงาน และสัมมนาที่ต่างประเทศ และพลเมืองลาว ที่มาจากต่างประเทศ เมื่อมาถึง สปป. ลาว ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และกักตัวในสถานที่ ที่คณะเฉพาะกิจกําหนด เพื่อรอผลตรวจไม่เกิน 48 ชั่วโมง (ห้ามออกจากบริเวณกักตัวจนกว่าจะทราบผล) และหาก ผลตรวจไม่พบเชื้อให้กักตัวในที่พักของตนเองให้ครบ 7 วัน พร้อมทั้งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุม การติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
3.2 นักการทูตและเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ ที่อยู่ในเครือข่ายขององค์การสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศที่ได้รับเอกสิทธิ์และอภิสิทธิ์ทางการทูต รวมทั้ง สมาชิกครอบครัว เมื่อเดินทางถึง สปป. ลาว ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และรอผลตรวจไม่เกิน 48 ชั่วโมง ในที่พักของตนเอง หากผลตรวจไม่พบเชื้อ อนุญาตให้เดินทางไปที่ทํางานได้เท่านั้นในช่วงเวลา 7 วัน และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
3.3 กลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน เมื่อเดินทางถึง สปป. ลาว ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และกักตัวในสถานที่ที่คณะเฉพาะกิจกําหนด เพื่อรอผลตรวจไม่เกิน 48 ชั่วโมง (ห้ามออกจากบริเวณกักตัว จนกว่าจะทราบผล) หากผลตรวจไม่พบเชื้อสามารถออกไปปฏิบัติงานตามแผนที่กําหนดไว้ และต้องปฏิบัติมาตรการ ป้องกันและควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
3.4 คนต่างประเทศที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ แรงงาน เมื่อเดินทางถึง สปป. ลาว ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และรอผลตรวจไม่เกิน 48 ชั่วโมง ในโรงแรมที่คณะเฉพาะกิจกําหนด (ห้ามออกจากบริเวณกักตัวจนกว่าจะทราบผล) หากตรวจไม่พบเชื่อให้กักตัวในที่พักของตนเอง และอนุญาต ให้เดินทางไปที่ทํางานได้เท่านั้นในช่วงเวลา 7 วัน และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ อย่างเคร่งครัด
3.5 คนต่างประเทศที่เป็นผู้ประกอบการ นักศึกษา คนเชื้อชาติลาว และครอบครัวของพลเมืองลาว เมื่อเดินทางถึง สปป. ลาว ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และรอผลตรวจไม่เกิน 48 ชั่วโมง ในโรงแรม ที่คณะเฉพาะกิจกําหนด (ห้ามออกจากบริเวณกักตัวจนกว่าจะทราบผล) หากผลตรวจไม่พบเชื้อให้กักตัวในที่พัก ของตนเองให้ครบ 7 วัน และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
3.6 นักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มที่จะเดินทางเข้ามา สปป. ลาว ในโครงการเส้นทางสีเขียว เมื่อเดินทาง ถึง สปป. ลาว ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และเข้าพักในโรงแรมที่คณะเฉพาะกิจกําหนด เพื่อรอผล ตรวจไม่เกิน 48 ชั่วโมง (ห้ามออกจากบริเวณกักตัวจนกว่าจะทราบผล) และหากผลตรวจไม่พบเชื้อจึงอนุญาต ให้ออกไปทํากิจกรรมตามแผนท่องเที่ยว และต้องปฏิบัติมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
สําหรับค่าใช้จ่ายในการกักตัวและค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ให้ผู้เดินทางเข้าประเทศ รับผิดชอบด้วยตนเอง
4. ให้บุคคลที่พํานักอยู่ สปป. ลาว และบุคคลที่เดินทางมา สปป. ลาว ติดตั้งและลงทะเบียน โปรแกรม (แอปพลิเคชั่น) LaoKYC ในโทรศัพท์มือถือของตนเอง เพื่อใช้บริการ “ลาวสู้ๆ” และสร้างรหัสวัคซีน (Vaccine ID) เพื่อใช้เป็นใบรับรองการฉีดวัคซีน และสถานะความเสี่ยงของของตนเอง ในเวลาปฏิบัติหน้าที่ เดินทาง ไปหน่วยงานรัฐ บริษัท โรงงาน ร้านค้า ร้านอาหาร และสถานที่ต่าง ๆ
5. ให้หน่วยงานรัฐ บริษัท โรงงาน ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่สาธารณะต่าง ๆ และผู้ให้บริการ โดยสาร (เครื่องบิน เรือโดยสาร รถไฟ และรถโดยสารต่าง ๆ) ติดตั้ง QR Code เพื่อให้สแกน โดยใช้บริการ “ลาวสู้ๆ” และตรวจ QR Code (Vaccine ID) ก่อนอนุญาตให้เข้าใช้บริการ